สถานที่เที่ยวไม่ควรพลาดในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน


หลงเสน่ห์สถานที่เที่ยวกรุงเตหะราน พิกัดเด็ดที่ไม่ควรพลาด!

เมื่อเอ่ยถึง "อิหร่าน" ภาพของดินแดนแห่งอารยธรรมเปอร์เซียอันรุ่งเรือง คงผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของใครหลายคน แต่ท่ามกลางมนตร์ขลังแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน กรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศนี้ กลับเป็นดั่งอัญมณีที่ซ่อนเร้น รอคอยให้ผู้มาเยือนได้ค้นพบความงดงามที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นอายแห่งอดีตและสีสันแห่งยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว

จากพระราชวังอันวิจิตรตระการตา สู่หอคอยสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพ จากตลาดเก่าแก่ที่คึกคัก สู่พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาสมบัติล้ำค่าแห่งอารยธรรมเปอร์เซีย กรุงเตหะรานพร้อมมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับทุกคนที่เดินทางมาเยือน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไป "หลงเสน่ห์" กรุงเตหะราน ผ่านพิกัดเด็ดที่ไม่ควรพลาด พร้อมเรื่องราวประวัติศาสตร์และจุดไฮไลท์ที่สวยงามของแต่ละสถานที่ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกเดินทางไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของเมืองนี้ไปด้วยกัน 

ดื่มด่ำความงามแห่งอดีต สถานที่สำคัญในกรุงเตหะรานที่พาคุณย้อนเวลา

กรุงเตหะราน ไม่ได้มีดีแค่ความทันสมัย แต่ยังเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งอดีตอันรุ่งเรือง ที่รอให้คุณไปสัมผัสและเรียนรู้ ในส่วนนี้ เราจะพาคุณเดินทางย้อนเวลาไปสำรวจสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เปรียบเสมือนบันทึกเรื่องราวของกรุงเตหะรานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยกสถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตา และเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสถานที่เหล่านี้ ที่จะทำให้คุณหลงรักเมืองหลวงแห่งเปอร์เซียแห่งนี้มากยิ่งขึ้น 

1. พระราชวังโกเลสสถาน (Golestan Palace) สวนกุหลาบแห่งราชวงศ์

พระราชวังโกเลสสถาน (Golestan Palace)

พระราชวังโกเลสสถาน (Golestan Palace)

เมื่อก้าวเข้าสู่พระราชวังโกเลสถาน ก็เหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยายเปอร์เซียไปแล้วครับ เพราะพระราชวังแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงเตหะราน เป็นดังสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของราชวงศ์กอญัร ที่เคยปกครองอิหร่านมากว่า 150 ปี

ชื่อ "โกเลสถาน" แปลว่า "สวนกุหลาบ" ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามของสวนภายในพระราชวัง ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ อีกทั้งยังมีอาคารต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมเปอร์เซียผสมผสานกับศิลปะตะวันตก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือน

จุดเด่นที่ไม่ควรพลาด คือท้องพระโรงหินอ่อน (Marble Throne Hall) โดยเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญ ตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ และกระจกหลากสีสัน และห้องกระจก (Mirror Hall) เป็นห้องที่ประดับประดาด้วยกระจกเล็กๆ นับหมื่นชิ้น ส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว

ทั้งนี้พวกพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน เพราะจะจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่า เช่น เครื่องถ้วยชาม เครื่องเงิน ภาพวาด และของขวัญจากนานาประเทศ เราแนะนำให้เดินเล่นชมความงามของสวน และอาคารต่าง ๆ ภายในพระราชวัง เช่น ตึกชาห์ เนชิน, ตึกซาลัม, และตึกอาบน้ำ

ขออธิบายเพิ่มเติมว่าพระราชวังโกเลสถานสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซาฟาวิด และได้รับการต่อเติมขยายในสมัยราชวงศ์กอญัร เคยเป็นที่ประทับของชาห์แห่งอิหร่าน และเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ปัจจุบัน พระราชวังโกเลสถานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกรุงเตหะราน

ฉะนั้น การมาเยือนพระราชวังโกเลสถาน ไม่เพียงแต่จะได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมและศิลปะ แต่ยังเป็นการเดินทางย้อนเวลาไปสัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของอิหร่านอีกด้วย หากคุณมีโอกาสมาเยือนกรุงเตหะราน อย่าพลาดที่จะมาสัมผัสเสน่ห์ของ "สวนกุหลาบแห่งราชวงศ์" แห่งนี้ 

2. หอคอยอะซาดี (Azadi Tower) สัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและความภาคภูมิใจ

หอคอยอะซาดี (Azadi Tower)

หอคอยอะซาดี (Azadi Tower)

หากเอ่ยถึงแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของกรุงเตหะราน คงหนีไม่พ้น "หอคอยอะซาดี" ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง หอคอยแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและความภาคภูมิใจของชาวอิหร่าน ที่รำลึกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานและรุ่งเรืองของชาติ

หอคอยอะซาดีมีความสูง 45 เมตร สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ ผสมผสานสถาปัตยกรรมเปอร์เซียโบราณและศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ภายในฐานของหอคอยเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุล้ำค่าจากยุคต่างๆ ของอิหร่าน และหากขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเตหะรานแบบ 360 องศา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน ที่แสงไฟจากทั่วเมืองจะส่องประกายระยิบระยับ ทั้งนี้บริเวณรอบหอคอยมีน้ำพุเต้นระบำประกอบแสงสีเสียง สร้างความบันเทิงและความประทับใจให้กับผู้มาเยือน

เดิมที หอคอยอะซาดีมีชื่อว่า "หอคอยชาห์ยาด" สร้างขึ้นในปี 1971 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 2,500 ปี แห่งการสถาปนาจักรวรรดิเปอร์เซีย ต่อมาหลังการปฏิวัติอิสลามในปี 1979 หอคอยแห่งนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "อะซาดี" ซึ่งแปลว่า "อิสรภาพ" เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการปลดแอกจากระบอบกษัตริย์

การมาเยือนหอคอยอะซาดี ไม่เพียงแต่จะได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมและทัศนียภาพอันงดงาม แต่ยังเป็นการสัมผัสถึงจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพและความภาคภูมิใจของชาวอิหร่าน หากคุณมีโอกาสมาเยือนกรุงเตหะราน อย่าพลาดที่จะมาชื่นชมความยิ่งใหญ่ของหอคอยแห่งนี้ ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของประเทศอิหร่าน แนะนำอย่างยิ่งเลย 

3. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิหร่าน (National Museum of Iran) ย้อนรอยอารยธรรมเปอร์เซียอันรุ่งเรือง

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิหร่าน (National Museum of Iran)

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิหร่าน (National Museum of Iran)

ที่มารูปภาพ : tripadvisor.com

หากคุณหลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน "พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิหร่าน" คือสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปรียบเสมือนประตูเวลา ที่จะพาคุณย้อนกลับไปสัมผัสความรุ่งเรืองของอารยธรรมเปอร์เซีย ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบัน

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิหร่านเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุและศิลปวัตถุล้ำค่าจำนวนมหาศาล ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมเปอร์เซียในยุคต่างๆ ให้คุณได้ชมสมบัติจากยุคต่าง ๆ เช่น ยุคหินใหม่ ยุคสำริด ยุคเหล็ก จักรวรรดิอะคีเมนิด จักรวรรดิพาร์เธีย จักรวรรดิซาสซานิด และยุคอิสลาม

ภายในพิพิธภัณฑ์มรไฮไลท์สำคัญคือแท่นศิลาจารึกเบฮิสตัน ซึ่งเป็นศิลาจารึกโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,500 ปี บันทึกพระราชประวัติของพระเจ้า Darius I และรูปปั้นสิงห์หิน ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิเปอร์เซีย

หรือจะเป็นเครื่องปั้นดินเผา ให้คุณได้ชมชมความงามของเครื่องปั้นดินเผาจากยุคต่าง ๆ ที่มีลวดลายและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีเครื่องประดับทองคำและเงิน ให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องประดับอันวิจิตรงดงาม ที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งและรสนิยมของชาวเปอร์เซียในอดีต

ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิหร่านก่อตั้งขึ้นในปี 1937 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเก็บรักษาและจัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของอิหร่าน ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดในโลก และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอิหร่าน

4. ตลาดใหญ่เตหะราน (Grand Bazaar of Tehran) ตลาดแห่งสีสันและกลิ่นอายเปอร์เซีย

ตลาดใหญ่เตหะราน (Grand Bazaar of Tehran)

ตลาดเตหะราน Grand Bazaar of Tehran

หากคุณต้องการสัมผัสชีวิตชีวาและวัฒนธรรมที่แท้จริงของกรุงเตหะราน "ตลาดใหญ่เตหะราน" คือสถานที่ที่คุณต้องไปเยือน ตลาดแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเมือง แต่ยังเป็นเหมือนเมืองเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในใจกลางเมืองหลวง เต็มไปด้วยสีสัน กลิ่น และเสียง ที่จะทำให้คุณหลงใหลไปกับมนตร์เสน่ห์แห่งเปอร์เซีย

ตลาดใหญ่เตหะรานมีขนาดมหึมา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10 กิโลเมตร เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยที่วกวนและร้านค้ามากมายนับไม่ถ้วน สร้างบรรยากาศที่คึกคักและน่าตื่นเต้น คุณจะพบกับสินค้าทุกประเภทที่นี่ ตั้งแต่พรมเปอร์เซีย เครื่องเทศ เครื่องประดับทองคำและเงิน ของที่ระลึก ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ ตลาดใหญ่เตหะรานมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี ภายในตลาดมีอาคารเก่าแก่หลายหลังที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างสวยงาม เช่น มัสยิด ร้านน้ำชา และโรงแรม ให้คุณได้ลิ้มรสอาหารเปอร์เซีย  ที่ร้านอาหารและแผงขายอาหารภายในตลาด เช่น เคบับ ข้าวหมกไก่ และชา

สำหรับตลาดใหญ่เตหะรานมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาฟาวิด และเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเมืองมาโดยตลอด แม้ว่าปัจจุบันจะมีห้างสรรพสินค้าทันสมัยเกิดขึ้นมากมาย แต่ตลาดใหญ่เตหะรานก็ยังคงรักษาความสำคัญและเสน่ห์ของตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น 

5. สะพานธรรมชาติ (Tabiat Bridge) เชื่อมต่อความสุข สัมผัสธรรมชาติใจกลางเมือง

สะพานธรรมชาติ (Tabiat Bridge)

Tabiat Bridge

ที่มารูปภาพ : wikipedia.org

ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ "สะพานธรรมชาติ" หรือ Tabiat Bridge คือคำตอบที่ลงตัว สะพานแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสวนสาธารณะสองแห่ง แต่ยังเป็นพื้นที่พักผ่อนและจุดชมวิวที่สวยงาม ที่จะทำให้คุณหลงรักกรุงเตหะรานในมุมมองใหม่

ตัวสะพานธรรมชาติมีความยาว 270 เมตร ออกแบบเป็นโครงสร้างเหล็กที่มีลักษณะโค้งเว้าคล้ายกิ่งไม้ สะท้อนถึงชื่อ "Tabiat" ที่แปลว่า "ธรรมชาติ" ได้อย่างลงตัว สะพานนี้เชื่อมต่อระหว่างสวนสาธารณะ Taleghani และสวนสาธารณะ Abo-Atash ทำให้คุณสามารถเดินเล่นเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง บนสะพานมีจุดชมวิวหลายจุดที่ให้คุณมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเตหะรานแบบพาโนรามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามเย็นที่แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า

ที่สำคัญคือมีร้านอาหารและคาเฟ่หลายแห่งบนสะพาน ให้คุณนั่งพักผ่อน จิบเครื่องดื่ม และชมวิวไปพร้อม ๆ กัน สะพานธรรมชาติเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น พักผ่อน หรือออกกำลังกาย มีผู้คนมาใช้บริการอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้ สะพานธรรมชาติสร้างขึ้นในปี 2014 โดย Leila Araghian, Alireza Behzadi และ Sahar Yasaei สามสถาปนิกชาวอิหร่านรุ่นใหม่ สะพานแห่งนี้ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมระดับโลกมากมาย และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความทันสมัยของกรุงเตหะราน

เป็นยังไงกันบ้างกับ 5 สถานที่ที่เรานำมาฝากวันนี้ ให้คุณลืมภาพจำเดิม ๆ ของกรุงเตหะรานไปได้เลย เพราะเมืองนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด ทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนาน สถาปัตยกรรมงดงาม และวัฒนธรรมที่น่าค้นหา ค้นพบเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นของกรุงเตหะรานไปพร้อมๆ กับ Drift หรือสามารถติดตามรายละเอียดทัวร์อิหร่านได้คลิก