อิสฟาฮาน เมืองแห่งสะพานอันงดงาม และสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์


 

หากจะกล่าวถึงเมืองท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เมื่อได้ไปเยือนประเทศอิหร่าน หลายท่านอาจจะนึกถึง เมืองหลวงเตหะราน อย่างแน่นอน แต่มีเมืองหลวงเก่าแก่ที่ราชวงศ์ซาฟาวิดเคยครองอำนาจอยู่ มีความน่าสนใจอีกเมืองนั่นคือ อิสฟาฮาน (Isfahan) เมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญในเส้นทางสายไหมมาก่อน ทำให้กลายเป็นแหล่งรวมงานสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามไว้อย่างมากมาย ดริฟท์ ทราเวลขอแนะนำสะพานที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ 2 แห่ง คือ

 

 

Si-o-se Pol Bridge หรือสะพาน 33 โค้ง สัญลักษณ์แห่งความรักอันเป็นนิรันดร์

 

สะพานซีโอ เซโปล (Si-o-se Pol Bridge) หรือสะพาน 33 โค้ง เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิสฟาฮาน สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ชาห์ อับบาส ที่ 1 แห่งราชวงศ์ซาฟาวิด เมื่อปี ค.ศ. 1602 มีความยาว 297.76 เมตร กว้าง 13.75 เมตร ประกอบด้วยโค้งหินแกรนิตโบราณถึง 33 โค้ง จึงเป็นที่มาของชื่อสะพานซีโอ เซโปล (Si-o-se Pol Bridge) ซึ่งสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำชายันเดห์รูด (Zayandeh Rud) เชื่อมต่อระหว่างอิสฟาฮานเก่าและเมืองใหม่เข้าด้วยกัน

 

ในอดีต สะพานแห่งนี้เคยเป็นจุดนัดพบของหนุ่มสาวที่แอบมาพบรักกันยามค่ำคืน ทำให้ถูกขนานนามว่าเป็น “สะพานแห่งความรัก” นอกจากนี้ที่ใต้สะพานยังมีทางเดินที่เชื่อมต่อกันเป็นทางยาว ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความสวยงามของโค้งหินได้อย่างใกล้ชิด และเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลอดผ่านโค้งสะพานลงมาเป็นประกายระยิบระยับบนผิวน้ำอย่างงดงาม

 

 

สะพานคาจู (Khaju Bridge) มากกว่าแค่ทางข้าม แต่เป็นศูนย์รวมวิถีชีวิตของผู้คน

 

สะพานที่ขึ้นชื่อของเมืองอิสฟาฮาน คือ สะพานคาจู (Khaju Bridge) ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1650 ในยุคสมัยของกษัตริย์ชาห์อับบาส ที่ 2 มีความยาว 132 เมตร กว้าง 12 เมตร ประกอบไปด้วยชั้นทางเดิน 2 ชั้น และมีหอคอยอยู่ตรงกลางสะพาน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์และพระสนมเพื่อชมความงามของแม่น้ำชายันเดห์

 

สะพานคาจู (Khaju Bridge) ไม่ได้เป็นเพียงสะพานข้ามแม่น้ำ แต่ยังทำหน้าที่เป็นเขื่อนเพื่อควบคุมการไหลของน้ำ และยังเป็นศูนย์รวมของผู้คนในเมืองที่มักจะมานั่งพักผ่อน ปิกนิก นัดพบปะสังสรรค์ หรือแม้แต่จัดการแสดงดนตรี การขับร้องบทกวีท้องถิ่น เสียงเพลงและบทกวีที่ดังก้องภายใต้สะพาน จะสะท้อนเป็นเสียงก้องที่ไพเราะจับใจ สร้างบรรยากาศอันแสนโรแมนติก ทำให้สะพานคาจูได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า “สะพานแห่งเสียงเพลง” เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในทุกซอกมุมของอิสฟาฮาน
 

 

นอกจากสะพานอันเลื่องชื่อทั้งสองแล้ว เมืองอิสฟาฮานยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจัตุรัสนัคช์-เอ-ญะฮาน (Naqsh-e Jahan Square) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มัสยิดชีค ลอทฟอลลอฮ์ (Sheikh Loffolah Mosque) มัสยิดหลวง (Jameh Mosque) วังอาลี คาปู (Ali Qapu Palace) และพระราชวังเซเฮล โซตูน (Chehel Sotoun Palace) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรอลังการ ผสมผสานกลิ่นอายของศิลปะเปอร์เซีย อาหรับ และยุโรปได้อย่างลงตัว
 


 

เสน่ห์ของอิสฟาฮาน นอกจากมีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมแล้ว ยังมีผู้คนที่เป็นมิตร การใช้วิถีชีวิตที่เรียบง่าย การได้นั่งจิบชาหอมกรุ่นในร้านชาริมสะพาน ท่ามกลางแสงเทียนที่สะท้อนกับผิวน้ำ ฟังเสียงเพลงพื้นเมืองแว่วมาแผ่วเบา ช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม

 

หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนอิหร่าน อย่าลืมแวะมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองอิสฟาฮาน ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่มรวย ที่จะทำให้การท่องเที่ยวอิหร่านของคุณกลายเป็นความทรงจำที่ประทับใจไปอีกนาน

 

DRIFT TOUR PACKAGES